สุนัขเฝ้าบ้าน เลือกสายพันธุ์ไหนดีที่สุด

สุนัขเฝ้าบ้าน นอกจากจะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่ช่วยให้บ้านของคุณปลอดภัยขึ้นอีกระดับหนึ่งแล้ว ยังได้เพื่อนคู่ใจมาอีกหนึ่งชีวิตในบ้านที่ช่วยเยียวยาจิตใจให้คุณได้ในวันที่เงียบเหงา แต่การจะเลือกสุนัขเฝ้าบ้านนั้นมีเรื่องที่ต้องคำนึงถึงมากมาย ตั้งแต่การเลือกพันธุ์ของสุนัขไปจนถึงการเลี้ยง ซึ่งแน่นอนว่าหากเลี้ยงไม่ดี สุนัขของคุณอาจนำปัญหาต่างๆ มาให้มากมายไม่รู้จบ

สุนัขเฝ้าบ้าน มีทั้งข้อดีและสิ่งที่ควรปฏิบัติที่เจ้าของต้องรู้

​เฝ้าบ้าน

ประโยชน์ของเจ้าสี่ขาคือการเป็นดวงตาอีกสองดวงที่เพิ่มขึ้นภายในบ้านสำหรับการสองส่องความผิดปกติ โดยเฉพาะผู้ที่ประสงค์ร้ายกับบ้านและผู้อยู่อาศัย หลากหลายครั้งที่เราพบเห็นสุนัขเฝ้าบ้านสามารถเห่าเรียกหรือกัดจอมขโมยที่เข้ามาได้อย่างอยู่หมัด โดยสายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงในไทยหลักๆ เป็นพันธุ์ไทย อาทิ บางแก้ว ไทยหลังอาน โดยดุไม่แพ้เจ้าสุนัขสายพันธุ์นอกเช่นกัน โดยเฉพาะบางแก้วหากไม่ใช่เจ้าของบ้านสู้ยิบตาเพื่อปกป้องบ้านและที่อยู่อาศัย

​ดมกลิ่นและตรวจสิ่งผิดปกติ

จมูกของน้องหมาคืออาวุธเด็ดในการตรวจตราโดยรอบของบ้าน เพราะจมูกของสุนัขนั้นสามารถดมกลิ่นสัตว์และสิ่งอื่นๆได้ดีกว่ามนุษย์ 40 เท่า ทำให้หลายครั้งสุนัขจะพบเจอสิ่งของผิดปกติที่อันตรายต่อการอยู่อาศัย อาทิ ยาเสพติด สิ่งสกปรก หรือแม้กระทั้งสัตว์ร้ายจำพวกงู ตะขาบ เป็นต้น เรียกได้ว่านอกจากหายใจยังช่วยให้ภาพรวมการอยู่อาศัยของเราทุกคนปลอดภัย เมื่อรู้อย่างนี้อย่าลืมซื้ออาหารอร่อยไปฝากเจ้าตูบที่บ้าน

สัตว์เลี้ยงที่คู่กับผู้อยู่อาศัย

สุนัขไม่ว่าจะสายพันธุ์ไหนมีความโดดเด่นในเรื่องความร่าเริงทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกผ่อนคลายยามได้เล่นหรือพูดคุย ขณะเดียวกันสุนัขยังเป็นอีกกิจกรรมที่ผู้อยู่อาศัยได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ที่สำคัญเจ้าสี่ขาชอบออดอ้อนจนผู้อยู่อาศัยต้องสร้างพื้นที่วิ่งเล่นหรือพักผ่อนให้ อาทิ สวนไม้ ลานอเนกประสงค์ เพราะนั้นคือพื้นที่ผ่อนคลายที่ผู้อยู่อาศัยจะได้พักผ่อนร่วมกัน ถือได้ว่าสุนัขเป็นหนึ่งแม่เหล็กที่ทำให้เจ้าของบ้านอยู่บ้านมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

​ความสวยงาม

สุนัขถือเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีรูปลักษณ์สวยงาม มีเอกลักษณ์ในแบบของตัวเองสำหรับแต่ละสายพันธุ์ และก็มีบุคลิกที่แตกต่างกันไป ทำให้เสน่ห์ของเจ้าตูบนั้นเป็นมากกว่าสัตว์เลี้ยง หลายครั้งที่เราพบเห็นเป็นดั่งเพื่อนรู้ใจ และอีกหลากหลายครั้งเป็นของตกแต่งที่สวยงามที่มีลมหายใจ ที่สำคัญยกระดับภาพรวมของบ้านและที่อยู่อาศัยให้ดูสวยงามได้อย่างนุ่มลึก

ขนหรือฝุ่นไรจากผิวหนังของสุนัข

แม้เจ้าตูบจะมีข้อดีที่หลากหลายในการดูแลบ้าน แต่ข้อด้อยก็มีให้จัดการเช่นกัน และสิ่งเราต้องพึงระวังเป็นลำดับแรกคือ ขน ฝุ่นรวมทั้งแบคทีเรียที่อาจจะติดอยู่ตามเฟอร์นิเจอร์ พื้น พรมหรือเบานั่งของเรา โดยข้อควรปฏิบัตินั้นเราจำเป็นต้องหมั่นทำความสะอาดพื้นผิวในมุมห้องต่างๆที่เจ้าสี่ขาอยู่อาศัยอยู่เสมอ ทั้งการกว้าง การถู รวมทั้งการดูดฝุ่นเพื่อขจัดขนและสิ่งที่เป็นฝุ่นต่างๆให้หมดไป เพราะนอกจากบ้านจะดูสะอาด ยังส่งผลดีต่อระบบทางเดินหายใจของเราอีกด้วย

เครื่องเรือนหรือเฟอร์นิเจอร์อาจเป็นรอยได้

ในบางครั้งสุนัขอาจขึ้นไปนั่งใกล้ชิดกับผู้อยู่อาศัย ซึ่งนอกจากความเอ็นดูระหว่างกันแล้ว สิ่งที่ต้องพึงระวังคือร่องรอยของเล็บที่อาจขีดข่วนพื้นผิวของเฟอร์นิเจอร์และเครื่องเรือน รวมทั้งคราบดินตามซอกเล็บต่างๆหลังจากการวิ่ง ฉะนั้นวิธีการจัดการแบบง่ายที่สุดคือการ จัดที่นอนหรือพื้นที่พักผ่อนให้กับเจ้าตูบโดยเฉพาะ ไม่ให้ขึ้นมากวนหรือเหยียบพื้นผิวเฟอร์นิเจอร์ และควรฝึกให้เป็นนิสัย พร้อมทั้งทำความสะอาดบริเวณดังกล่าวอยู่เสมอเพื่อให้สุขลักษณะของผู้อยู่อาศัยและเจ้าหมาดูสดชื่นอยู่ตลอดเวลา

​เสียงเห่าขอสุนัขเฝ้าบ้านที่ดังและรบกวนเกินไป

แม้เสียงเตือนจากการเห่าจะเป็นสัญญาณของการเตือนภัยเพื่อความปลอดภัย แต่ในบางครั้งการเห่าแบบไม่มีความหมายโดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืนก็ส่งผลเสียให้กับผู้อยู่อาศัยและเพื่อนบ้านได้เช่นกัน ฉะนั้นการให้อาหารที่ถูกสุขลักษณะ การพักผ่อนที่เพียงพอของเจ้าตูบ ตลอดจนการฝึกฝนให้อยู่ในคำสั่งคือขั้นตอนพื้นฐานในการดูสุนัขของตนให้อยู่อาศัยได้อยากปกติสุขและมีอารมณ์ดีอยู่เสมอ

​จอมทำลาย

สุนัขในวัยเด็กถึงวัยหนุ่มคือวัยที่คึกตะนองอาจทำลายของเครื่องใช้จนเกิดความเสียหายได้ อาทิ การลงไปแช่ในบ่อปลา การกัดและดึงไม้เลื้อยจากสวนไม้ หรือแม้กระทั้งการนำรองเท้าไปเล่นจนฉีกขาด ทั้งหมดล้วนแล้วอยู่นอกเหนือการควบคุม แต่สิ่งที่เราจะดูแลอย่างใกล้ชิดได้คือการพาเจ้าตูบสี่ขาออกไปกำลังกายด้วยการวิ่งอยู่เสมอ เพราะการวิ่งเล่นให้เป็นกิจวัตรจะช่วยให้สุนัขมีสามธิและฟังคำสั่งของผู้อยู่อาศัย แต่ถ้าหากยังจัดการไม่ได้พื้นที่ส่วนนอกควรเปิดโล่งหรือจัดทำเป็นลานวิ่งซะเลย จะได้วิ่งเล่นได้ทั้งเจ้าหมาและเจ้าของบ้าน

สุนัขสัตว์เลี้ยงแสนน่ารักที่เป็นดั่งเพื่อนรู้ใจของผู้อยู่อาศัยและบ้าน การมีไว้สัก 1-2 ตัว ช่วยเพิ่มความสวยงาม ความปลอดภัยและความสุขใจได้ไม่น้อย ดังนั้นนอกจากบ้านและมุมห้องที่ครบครัน สุนัขก็ถือเป็นหนึ่งทางเลือกที่ดีที่ควรมีไว้ในบ้านเช่นกัน

สุนัขเฝ้าบ้าน

สุนัขเฝ้าบ้าน ที่ดีที่สุด 5 สายพันธุ์

1. ร็อตไวเลอร์ (Rottweiler)

หนึ่งสายพันธุ์สุนัขที่ขึ้นชื่อเรื่องความดุ ดุชนิดที่เรียกว่ากัดไม่ปล่อย และถ้าเกิดน้องไม่พอใจขึ้นมากัดแม้แต่กระทั่งเจ้าของหากเลี้ยงดูไม่ดี หรือไม่ได้รับการฝึกฝน ดังนั้น ก่อนจะเลี้ยงจะต้องถามตัวเองก่อนว่าเราสามารถเลี้ยงน้องได้ดีมากแค่ไหน หรือมีเวลาที่จะส่งน้องไปฝึกฝน เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายกับทั้งตัวเองและผู้อื่น

ลักษณะโดยทั่วไป : น้ำหนักประมาณ 36-61 กิโลกรัม มีอายุขัยเฉลี่ยอยู่ที่ 9-10 ปี

ข้อควรรู้ก่อนเลี้ยง : ร็อตไวเลอร์ไม่ชอบเห่าหรือส่งเสียงดัง หากได้รับการฝึกอย่างเหมาะสม โดยสามารถเข้ากับเด็ก หรือสัตว์อื่นๆ ได้ดี แต่เป็นสายพันธุ์ที่เหมาะกับผู้เลี้ยงที่มีประสบการณ์มากกว่า ซึ่งผู้เลี้ยงต้องมีเวลาให้ร็อตไวเลอร์มากเป็นพิเศษ เนื่องจากน้องไม่ชอบอยู่ตามลำพัง และต้องหากิจกรรมให้ทำเป็นประจำ

ทั้งนี้ การปล่อยให้น้องอยู่ตามลำพังเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เกิดความวิตกกังวล ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ เช่น การกัดแทะ, ขุด หรือเห่า

2. อเมริกัน พิทบูล เทอร์เรีย (American Pitbull Terrier)

ด้วยความที่หน้าของน้องดูดุตลอดเวลา จึงเหมาะกับการเฝ้าบ้านอีกสายพันธุ์หนึ่ง เรียกว่าเห็นหน้าก็ไม่กล้าเข้าใกล้แล้ว โดยนิสัยของน้องจะเป็นสุนัขที่ดุอยู่แล้ว ดังนั้น เจ้าของจะต้องเลี้ยงดูและฝึกฝนอย่างถูกต้องตั้งแต่เล็กๆ เพื่อให้น้องไม่ทำร้ายใครโดยไม่เลือกหน้า

ลักษณะโดยทั่วไป : น้ำหนักประมาณ 16-27 กิโลกรัม อายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 12-14 ปี

ข้อควรรู้ก่อนเลี้ยง : น้องจะต้องมีกิจกรรมที่ผ่อนคลายความเครียดบ่อยๆ เพื่อป้องกันพฤติกรรมก้าวร้าวที่ไม่พึงประสงค์ เช่น การเดิน, วิ่ง หรือเดินเขา

3. โดเบอร์แมน พินเชอร์ (Doberman Pinscher)

สุนัขขึ้นขื่อเรื่องความเร็วในการโจมตีผู้บุกรุก โดยลักษณะนิสัยของสุนัขพันธุ์นี้คือมีความตื่นตัว มีความกล้าหาญ และจงรักภักดีกับเจ้าของ ถือเป็นสายพันธุ์สุนัขที่ฉลาดที่สุดติด 1 ใน 5 เหมาะอย่างยิ่งที่จะมอบหน้าที่เฝ้าบ้านให้

ลักษณะโดยทั่วไป : น้ำหนักประมาณ 27-45 กิโลกรัม มีอายุเฉลี่ยประมาณ 10-12 ปี

ข้อควรรู้ก่อนเลี้ยง : เนื่องจากน้องมีสัญชาตญาณที่ยอดเยี่ยม จึงมักถูกใช้เป็นสุนัขตำรวจ หรือสุนัขลาดระเวน ทำให้น้องมักเห่าเมื่อมีคนแปลกหน้าเข้าหา หรือเจ้าของมีอันตราย และจะสู้โดยไม่ลังเลหากมีใครเข้ามาทำร้ายเจ้าของ หรือคนในครอบครัว

แม้น้องจะเหมาะกับการเลี้ยงในครอบครัว แต่สุนัขพันธุ์นี้ก็มีโลกส่วนตัวสูง และนิสัยมักจะก้าวร้าวและเกรี้ยวกราดในช่วงแรกจึงต้องได้รับการฝึกและควบคุม เพื่อสอนให้รู้วิธีโต้ตอบอย่างเหมาะสม และควรพาน้องเข้าสัคมตั้งแต่ยังเด็ก ๆ เพื่อลดนิสัยก้าวร้าว และทำให้เข้ากับสุนัขหรือสัตว์ตัวอื่นได้ดี รวมทั้งยังต้องมีพื้นที่กว้างมากพอให้น้องได้วิ่งเล่นตลอดเวลา เพื่อลดนิสัยก้าวร้าวของพวกเขา

4. เยอรมัน เชฟเฟิร์ด (German Shepherd)

ถือเป็นสุนัขเฝ้าบ้านที่เห็นกันได้บ่อย ๆ เนื่องจากเป็นสุนัขที่ฉลาด ฝึกง่าย เชื่อฟังคำสั่งของเจ้าของดี มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง กระตือรือร้น กระฉับกระเฉง สุนัขพันธุ์นี้จะไม่ได้ก้าวร้าว หากปฏิบัติตัวกับน้องดีๆ ลักษณะทั่วไปคือ โครงสร้างใหญ่ น้ำหนักประมาณ 22-40 กิโลกรัม รับฟังเสียงได้ดี ดมกลิ่นได้แม่นยำ

ลักษณะโดยทั่วไป : น้ำหนักประมาณ 22-40 กิโลกรัม อายุเฉลี่ยประมาณ 9-13 ปี

ข้อควรรู้ก่อนเลี้ยง : น้องเป็นสุนัขที่มีความกระตือรือร้นสูง ซื่อสัตย์และผูกพันกับเจ้าของอย่างมาก บางครั้งอาจพยายามที่จะปกป้องเจ้าของหรืออาณาเขตของตัวเองมากจนเกินไปโดยเฉพาะหากไม่ได้รับการฝึกฝนให้เข้าสังคมอย่างเหมาะสม มักวางตัวโดยรักษาระยะห่างจากคนแปลกหน้า

5. ไทยหลังอาน (Thai Ridgeback)

สุนัขประจำชาติของไทยที่นิยมนำมาเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน เนื่องจากมีกรามแข็งแรง ร่างกายกำยำ แข็งแรงทนต่อสภาพอากาศได้ดี มีสัญชาตญาณนักล่าจนมีอีกชื่อหนึ่งว่า “หมาพราน” ซึ่งใช้ล่าอาหารได้ จงรักภักดีกับเจ้าของ และตื่นตัวตลอดเวลา ลักษณะเด่นของสุนัขพันธุ์นี้คือ หลังอานอย่างเห็นได้ชัด ขนสั้นเรียบ เงางาม หางเรียวยาวคล้ายดาบ เรียกว่า “หางดาบ”

ลักษณะโดยทั่วไป : น้ำหนักประมาณ 16-25 ปี อายุเฉลี่ยประมาณ 10-12 ปี

ข้อควรรู้ก่อนเลี้ยง : แม้น้องจะเป็นผู้ตามที่ดี และต้องการความเป็นผู้นำจากเจ้าของ แต่มักจะทนต่อการถูกตำหนิอย่างรุนแรงไม่ได้ อาจทำให้เกิดพฤติกรรมก้าวร้าว จึงจำเป็นต้องได้รับการฝึกฝนให้เข้าสังคมได้ตั้งแต่ยังเล็ก และด้วยความที่น้องไม่ค่อยคุ้นชินกับการเข้าหาคนแปลกหน้า จึงจำเป็นที่จะต้องระวังและควบคุมเป็นพิเศษ หากมีคนแปลกหน้าเข้ามา โดยเฉพาะเด็ก หรือสัตว์อื่น

จะเกิดอะไรขึ้นหากดูแลสุนัขไม่ดีปล่อยให้ไปกัดเพื่อนบ้าน

แม้ว่าสุนัขจะช่วยให้บ้านปลอดภัยจากโจรขโมย แต่หากดูแลไม่ดี ปล่อยปละละเลยให้สุนัขออกไปกัดเพื่อนบ้าน หรือผู้อื่น เจ้าของสุนัขจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 377 “ผู้ใดควบคุมสัตว์ดุร้าย ปล่อยปละละเลยให้สัตว์นั้นอยู่ลำพัง ในประการที่อาจทำอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

นอกจากนี้ ตามพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 มาตรา 23 ระบุว่า “ห้ามมิให้เจ้าของสัตว์ปล่อย ละทิ้ง หรือกระทำการใด ๆ ให้สัตว์พ้นจากการดูแลของตนโดยไม่มีเหตุอันสมควร หากเจ้าของสัตว์หรือผู้ใดไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามมาตรา 22 มาตรา 24 หรือฝ่าฝืนมาตรา 23 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท ตามมาตรา 32 และอาจต้องชดใช้ในความเสียหายที่เกิดจากการกระทำของสุนัข

โดยเจ้าของสุนัขจะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่คนที่ถูกสุนัขกัด เนื่องจากการเลี้ยงสุนัขแบบปล่อยปละละเลย ไม่ใช้ความระมัดระวังอันสมควรในการเลี้ยงดู ปล่อยให้สุนัขไปสร้างความเสียหายต่อร่างกายและทรัพย์สินของผู้อื่น ถือเป็นการกระทำประมาทของเจ้าของสุนัข” ดังนั้น เจ้าของอาจต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นค่าสินไหมทดแทน ค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งค่าเสียหายที่ต้องขาดประโยชน์จากการทำงาน หรือขาดรายได้ ตามมาตรา 433 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

การเลือกสุนัขเฝ้าบ้าน สามารถเลือกเลี้ยงได้ทั้งสายพันธุ์ไทยและสายพันธุ์นอก ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ก็มีความโดนเด่นแตกต่างกันไป หากเป็นสายพันธุ์ดุ เจ้าของต้องดูแลให้ดีไม่ปล่อยให้ไปกัดคนอื่นได้ ควรเลือกให้เหมาะสมกับคนเลี้ยง ถึงการเลี้ยงสุนัขจะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่สามารถฝึกให้เป็นนิสัยได้ จะช่วยให้เกิดภาพรวมการอยู่อาศัยของทุกคนปลอดภัย

ที่มา

https://www.ddproperty.com/

https://www.homify.co.th/ideabooks/

https://www.pexels.com/th-th/

 

ติดตามอ่านเรื่องเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงได้ที่  tomanzelc.com